Tag: สารนิพนธ์

  • ปัญหาในการวิจัย (research problem)

    ก่อนเริ่มทำงานวิจัย เราต้องรู้ ปัญหาในการวิจัย (Research problem) เพราะฉะนั้นเรามาดูปัญหาในการวิจัยกันก่อน หมายถึงอะไร ปัญหาในการวิจัย หมายถึง สิ่งที่เกิดจากความสงสัยใคร่รู้คำตอบเปรียบเสมือนเป็นคำถามของการทำวิจัยเรื่องนั้นว่าเราต้องการหาคำตอบ อะไรคือการทำวิจัยในประเด็นใด จะหาความจริงจากการวิจัยหรือจากเรื่องนั้นได้อย่างไร อันนี้คือความหมายของ Research Problems ที่จะทำวิจัยตัวผู้วิจัยจึงมีแหล่งปัญหาที่จะทำวิจัยยังไงก็คือ จากประสบการณ์ จากความสนใจและจากการสังเกต จากการศึกษาทฤษฎีวรรณกรรมในสาขาที่เกี่ยวคือการทบทวนงานวิจัยที่เราต้องการที่จะศึกษาหรือที่เกี่ยวข้องกับงานของเราที่เราคิดไว้ แล้วก็ทฤษฎีที่เกี่ยวข้อง ต่อไปก็คือ ผู้นำทางวิชาการ แหล่งทุนอุดหนุนการวิจัยผู้นำทางวิชาการก็คือเราต้องหาผู้นำทางวิชาการที่สามารถให้คำแนะนำ ในการที่จะพาเราไปสู่การคิดค้นการทำวิจัยได้แต่ก็แหล่งทุนทุนอุดหนุนการวิจัยซึ่งข้อนี้ก็ทุกท่านที่ทำวิจัยก็สามารถมองหาตรงนี้ ต่อไป ก็คือหน่วยงานที่ผู้วิจัยทำงานหรือการจะคิดปัญหาที่จะทำวิจัยสัมพันธ์กับหน่วยงานที่ตั้งใจทำงานก็คือเราจะคิดถึงใกล้ตัว ในแต่ละสาขาที่เราทำวิจัยเนี่ยเราก็ต้องมีความเชี่ยวชาญในที่ทำงานใช่ไหมคะแล้วเราจะเอาประสบการณ์ตรงนั้น ที่เราได้จากการสังเกตการเก็บข้อมูลมาสร้าง ในการทำวิจัยก็ได้ ในสร้างปัญหาหรือเราจะมองหาจากข่าวในสื่อมวลชน มาจากข้อเสนอแนะของผลการวิจัยที่ทำมาแล้วนึกได้มาจากการรีวิวหรือการทบทวนวรรณกรรมของงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับในความสนใจของงานที่เราจะทำ ปัญหาที่ได้จากผู้อื่นก็อาจจะเป็นเราได้ discuz หรือเราได้พูดคุย กับอาจารย์ที่ปรึกษาหรือได้พูดคุยกับเพื่อนในหน่วยงานที่เราทำงาน เราก็สามารถหาปัญหาการทำวิจัยมาได้ จากผู้อื่นหรืออาจจะมีวิธีอีกหลายวิธีที่จะเป็นที่มาของปัญหาและการทำวิจัย ต่อไปลักษณะของการเขียนปัญหาการวิจัยก็คืออยู่ในรูปแบบประโยคคำถาม และไม่กำกวมสำหรับการแสดงความสัมพันธ์ของตัวแปรทั้งหมดในงานวิจัยของเรา สามารถตรวจสอบได้ เช่นตัวอย่างการเขียนรายงานการวิจัยนี้ ปัญหาการวิจัยชื่อเรื่องหัวข้อการวิจัยอย่างเช่นเพศมีความเกี่ยวข้องกับความสามารถในการเรียนวิชาภาษาอังกฤษหรือไม่เป็นปัญหาการวิจัยชื่อหัวข้อการวิจัยแต่ก็ควรจะตั้งว่าการศึกษาความสามารถในการเรียนวิชาภาษาอังกฤษของนักศึกษาชายและหญิงในมหาวิทยาลัยมีเพศอยู่ใช่ไหมคะมีวิชาภาษาอังกฤษที่เราสนใจ เป็นตัวแปรที่ใช้ในการทำวิจัย อันนี้ก็คือตัวอย่างในการตั้งชื่อหัวข้อการวิจัยและปัญหาการวิจัย ประโยชน์ของปัญหาการวิจัยที่ชัดเจนถ้าเรามองเห็น ก็คือตั้งชื่อเรื่องการวิจัยหัวข้อการวิจัยได้ กำหนดวัตถุประสงค์ ออกแบบวางแผนการวิจัย การตั้งชื่อเรื่องหรือโครงการวิจัยจะต้องสอดคล้องและเกื้อกับปัญหาที่จะวิจัยชัดเจนนะที่เฉพาะปัญหาที่จะศึกษาควรขึ้นต้นชื่อเรื่องด้วยความสำคัญของปัญหาใช้ภาษาไม่กำกวม ใช้ภาษาที่กระชับและแทนใจความของปัญหาทั้งหมดได้ ตั้งก่อนหรือหลังก็ได้ เพราะฉะนั้นการที่ตั้งชื่อเรื่องโครงการวิจัยต่างๆ ในงานวิจัยของเราเนี่ยก็จะมีลักษณะดังที่กล่าวมา   👉รับฟังทาง…

  • รวมเว็บไซต์วิทยานิพนธ์ งานวิจัย วารสาร และหนังสือ ที่ดาวน์โหลดฟรี

    1. ฐานข้อมูลวิทยานิพนธ์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (Thammasat University Theses)http://digital.library.tu.ac.th/…/Search/index/collection:20 2. คลังปัญญาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย Chulalongkorn University Intellectual Repository (CUIR)https://cuir.car.chula.ac.th 3. ฐานข้อมูลงานวิจัย มหาวิทยาลัยรามคำแหงhttp://library.lib.ru.ac.th/screens/mainmenu_thx.html 4. ฐานข้อมูลงานวิจัย มหาวิทยาลัยนเรศวร NU Digital Repositoryhttp://nuir.lib.nu.ac.th/dspace 5. ฐานข้อมูลวิทยานิพนธ์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่Facebook ไม่ให้โพสลิงค์ รบกวนค้นหาคำว่า CMU e-Thesis ใน Google นะครับ 6. ฐานข้อมูลวิทยานิพนธ์ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิต (DPU e-Theses)https://lib.dpu.ac.th/page.php?id=6488 7. ฐานข้อมูล Dspace มหาวิทยาลัยศิลปากรhttp://www.graduate.su.ac.th/dspace/index.php 8. คลังปัญญามหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ PSU Knowledge Bank มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์http://kb.psu.ac.th/psukb 9. ฐานข้อมูลสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า)http://libsearch.nida.ac.th 10. ฐานข้อมูลงานวิจัย มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราชhttp://ird.stou.ac.th/dbresearch/index.php 11. Thai…

  • สารนิพนธ์ ต่างจาก วิทยานิพนธ์ อย่างไร

    วิทยานิพนธ์ (เข้มข้น) คือ งานวิทยานิพนธ์หรืองานวิจัยระดับอุดมศึกษา อันเป็นผลงานจากการค้นคว้าวิจัย เป็นงานเขียนวิชาการที่นักศึกษาทุกคนโดยเฉพาะในระดับปริญญาโทและเอกต้องจัดทำขึ้นเพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการจบการศึกษา รับปริญญา เพื่อเป็นเกียรติคุณและ เป็นไปเบิกทางในสายอาชีพต่างๆ ที่ตนเองสนใจในอนาคต สารนิพนธ์ คือ การค้นคว้าอิสระ (Independent Study) หมายถึง การศึกษาวิจัยอิสระ โดยอาศัยการกลั่นกรองความรู้และสาระในเนื้อหาต่างๆ ที่มีผู้ศึกษาวิจัยไว้แล้ว การค้นคว้าอิสระที่ได้มาจากการอ่าน การรวบรวมวิเคราะห์ของผู้เขียนแล้วนำมาสรุปผลให้เป็นเรื่องเดียวกัน สารนิพนธ์ต่างจากวิทยานิพนธ์ ในเรื่องของแนวคิด (concept) หรือตัวแปร (variable) ตัวเดียว ใช้สถิติหรือการวิเคราะห์อย่างง่าย และจำกัดบริบทที่ศึกษา ระยะเวลาที่ชัดเจน แต่จะไม่เข้มข้นเรื่องคุณภาพของความถูกต้อง (validity) และความเชื่อมั่น (reliability มากกว่า) เท่ากับทางด้านวิทยานิพนธ์ ดังนั้นการตัดสินใจเลือกว่า จะทำสารนิพนธ์หรือวิทยานิพนธ์ระดับปริญญาโท มีปัจจัยสำคัญในการเลือกสารนิพนธ์ ข้อดีคือ ไม่ยุ่งยาก เป็นการเรียนการสอนของหลักสูตร แต่ข้อเสียคือนักศึกษาไม่มีประสบการณ์เต็มที่ในการเขียนงานวิจัย อาจจะไม่สามารถใช้ในการศึกษาต่อในระดับที่สูงขึ้นไป หรืออาจจะมีปัญหาไม่ได้รับการยอมรับ เมื่อเราทำหน้าที่ทางวิชาการ เช่น อาจารย์ ครู ในทางตรงกันข้ามกับการเลือกทำวิทยานิพนธ์มีข้อดีคือทำให้นักศึกษามีความรู้ เป็นที่ยอมรับทางวิชาการ และมีโอกาสเข้าศึกษาต่อในระดับปริญญาเอกที่ตั้งมาตรฐานการสอบคัดเลือก แต่จะใช้ระยะเวลาสำหรับการศึกษาเกินกว่าหลักสูตรกำหนดเป็นปกติ การทำงานวิจัยนักศึกษาต้องตั้งโจทย์หรือคำถามการวิจัย (research…

  • ตรวจภาษาอังกฤษ ให้ตรงตามหลัก Grammar ด้วยเว็บไซต์

    https://www.grammarly.com/      เว็บไซต์ Grammarly เป็นแพลตฟอร์มที่ให้บริการเครื่องมือช่วยในการเขียนภาษาอังกฤษ โดยใช้ AI ในการตรวจสอบและแก้ไขไวยากรณ์ การสะกดคำ สไตล์การเขียน และการวิเคราะห์โทนของข้อความ นอกจากนี้ยังมีการตรวจสอบการลอกเลียนเนื้อหา (plagiarism) เพื่อให้ผู้ใช้มั่นใจว่าข้อความของตนมีความถูกต้องและเหมาะสมในการสื่อสาร ใช้งานได้บนหลากหลายแพลตฟอร์ม เช่น บราวเซอร์ แอปพลิเคชัน และโปรแกรมต่าง ๆ ซึ่งช่วยให้การเขียนมีประสิทธิภาพและชัดเจนยิ่งขึ้น     Grammarly มีประโยชน์ในหลายด้าน เช่น: การตรวจสอบไวยากรณ์และการสะกดคำ: ช่วยแก้ไขข้อผิดพลาดทางภาษา ทำให้ข้อความชัดเจนและเป็นมืออาชีพมากขึ้น การปรับปรุงสไตล์การเขียน: แนะนำการปรับปรุงโครงสร้างประโยคและคำศัพท์เพื่อให้ข้อความมีคุณภาพดีขึ้น การวิเคราะห์โทน: ตรวจสอบและแนะนำการปรับโทนการเขียนให้สอดคล้องกับเป้าหมายของการสื่อสาร การตรวจสอบการลอกเลียนเนื้อหา: ป้องกันการใช้เนื้อหาที่ซ้ำซ้อนหรือคล้ายคลึงกับผู้อื่น      Grammarly ช่วยให้ผู้ใช้สามารถพัฒนาทักษะการเขียนและทำให้ข้อความสื่อสารได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น. Email: thesisonline99@gmail.com ยินดีให้คำปรึกษาทุกท่านค่ะ คลิก : https://m.me/iamthesis/ Facebook : https://www.facebook.com/iamthesis Website: http://www.iamthesis.com/ ช่องทางในการติดตามความรู้จากเรา#บทความ #แปล #ปรึกษาวิทยานิพน์#เครื่องมือวิจัย #เทคนิคสำหรับวิจัย #งานวิจัย#การวิจัย…

  • ความเชื่อถือได้ (Reliability) ในงานวิจัย

    ความเชื่อถือได้ของมาตรวัด ( Reliability ) งานวิจัย คือ ความสอดคล้องกันของผลที่ได้จากการวัดแต่ละครั้ง >> ความเชื่อถือ Reliability โดยการวัดวิธีเดียวกันหลาย ๆ ครั้ง แล้ว นำผลการวัดมาหาความสัมพันธ์กันของความเชื่อถือ ค่าของความสัมพันธ์ของการวัด คือ ค่าบ่งชี้อัตราความเชื่อถือได้ วิธีหาค่าความเชื่อถือได้ของมาตรวัด / เครื่องมือ 1. วิธีการทดสอบแล้วทดสอบซ้ำ (Test and retest method) ความคงเส้นคงวาของคะแนนจากการวัดในช่วงเวลาที่ต่างกัน โดยวิธีสอบซ้ำด้วยแบบทดสอบเดิม การหาค่าความเชื่อมั่น : การทดสอบซ้ำใช้การคำนวณค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ระหว่างคะแนนที่วัดได้จากคนกลุ่มเดียวกัน ด้วยเครื่องมือเดียวกัน โดยทำการวัดสองครั้งในเวลาที่ต่างกัน ใช้มาตรวัดเดียวกันกับคนกลุ่มเดียวกันในเวลาต่างกัน ดูความสัมพันธ์ระหว่างผลการวัดทั้ง 2 ครั้ง ถ้ามีความสัมพันธ์สูง แสดงว่า มีความเชื่อมั่นสูง 2. วิธีวัดแบบที่ทดสอบแทนกันได้ (Alternate forms method) การทดสอบแบบใช้ข้อสอบเหมือนกัน Equivalent-Forms Reliability ความสอดคล้องกันของคะแนนจากการวัดในช่วงเวลาเดียวกันโดยใช้แบบทดสอบที่สมมูลกัน การหาค่าความเชื่อมั่น : การทดสอบแบบใช้ข้อสอบเหมือนกันใช้การคำนวณค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ระหว่างคะแนนที่วัดได้จากคนกลุ่มเดียวกันด้วยเครื่องมือ 2 ฉบับที่ทัดเทียมกัน…

  • Validity (ความถูกต้อง)ในงานวิจัย

    ความถูกต้อง Validity ในงานวิจัย Validity ประเภทของความถูกต้อง             หรือ การวัดต้องมีความถูกต้องเป็นคุณสมบัติที่สำคัญประการหนึ่งของ เครื่องมือวิจัยกล่าวคือ เป็นเครื่องมือที่สามารถวัดได้ตรงกับที่ต้องการจะวัด การตรวจสอบความตรงทำได้หลายวิธี ดังนี้ 1. ความถูกต้องเกี่ยวกับมาตรฐาน (Criterion–related validity) เป็นความถูกต้องที่สอดคล้องกับความคิด/มาตรฐาน ที่เราใช้อยู่ในชีวิตประจำวัน เป็นการประเมินความตรงตามเกณฑ์ที่ได้มาตรฐานการตรวจสอบที่มุ่งหาความสัมพันธ์ระหว่างค่าที่วัดได้จากเครื่องมือที่สร้าง กับค่าที่วัดได้จากเกณฑ์ ความสำคัญอยู่ที่เกณฑ์ที่ผู้วิจัยเลือกว่าถูกต้องตามหลักทฤษฎี ได้มาตรฐานเป็นที่ยอมรับโดยทั่วไปหรือไม่ เกณฑ์ที่เลือกใช้มี 2 ลักษณะ ขึ้นอยู่กับช่วงเวลาที่ต้องการให้เครื่องมือนั้นวัดได้ตรงตามเกณฑ์ กล่าวคือ 1.2.1) ตรงตามสภาพ (Concurrent Validity) หมายถึง ลักษณะที่เครื่องมือวัดได้มีความตรงตามสภาพความเป็นจริงโดยทั่ว ๆ ไปในเวลานั้น 1.2.2) ความตรงตามทำนาย (Predictive Validity) หมายถึง ลักษณะที่เครื่องมือวัดได้มีความตรงตามความจริงที่จะเกิดขึ้นตามมาภายหลัง หรือในอนาคต ซึ่งสามารถทำนายได้ 2. ความถูกต้องในเนื้อหา (Content validity) ความครอบคลุมของมาตรวัด/เครื่องมือในเรื่องที่เป็นเนื้อหาของสิ่งที่ต้องการวัด ความสามารถในการวัดกลุ่มเนื้อหาที่ต้องการจะวัดได้ครอบคลุมและเป็นตัวแทนของสิ่งที่ต้องการวัด เช่น วัดความสามารถในการใช้คอมพิวเตอร์ หรือการวัดทักษะด้านต่าง ๆ เป็นการมองโดยส่วนรวมว่าเครื่องมือหรือชุดของคำถามหรือแบบวัดนั้น  ครอบคลุมเนื้อหาที่จะวัดได้ถูกต้องครบถ้วนหรือไม่ …

  • แบบแผนการสุ่มตัวอย่าง มีอะไรบ้าง

    แบบแผนการสุ่มตัวอย่าง ในการสุ่มตัวอย่างจากประชากร อาจแบ่งได้ 2 ประเภทใหญ่ ๆ คือ การสุ่มตัวอย่างชนิดที่ไม่ทราบโอกาส หรือความน่าจะเป็นที่แต่ละหน่วยถูกเลือกขึ้นมาเป็นตัวอย่าง (Non – probability  sampling) ไม่สามารถวัดควาถูกต้อง หรือ ความเชื่อถือได้ของค่าประมาณจากตัวอย่างนั้น ๆ  การสุ่มตัวอย่างชนิดที่ทราบโอกาส หรือความน่าจะเป็นที่แต่ละหน่วยถูกเลือกขึ้นมาเป็นตัวอย่าง (Probability  sampling) สามารถกำหนดได้ว่า หน่วยแต่ละหน่วยของประชากรมีโอกาสเท่าใด ที่จะถูกเลือกขึ้นมาเป็นตัวอย่าง  การสุ่มตัวอย่างชนิดที่ไม่ทราบโอกาส                 – ไม่สามารถวัดควาถูกต้อง หรือ ความเชื่อถือได้ของค่าประมาณจากตัวอย่างนั้น ๆ  ใช้ได้ผลดีในกรณีที่ลักษณะของสิ่งที่ศึกษาพบได้น้อยในประชากร  และในกรณีที่ไม่สามารถกำหนดกรอบของหน่วยศึกษาใน แบบแผนการสุ่มตัวอย่าง ได้             – การสุ่มตัวอย่างแบบบังเอิญ (Accidental  sampling)             – การสุ่มตัวอย่างแบบโควต้า (Quota  sampling)             – การสุ่มตัวอย่างแบบเจาะจง (Purposive  sampling)             – การสุ่มตัวอย่างแบบบอลล์หิมะ (Snowball  sampling)…

  • เกณฑ์ใน การพิจารณาประสิทธิภาพแบบวิจัย

    เกณฑ์ในการพิจารณาประสิทธิภาพแบบวิจัย มุ่งสู่คำตอบในปัญหาวิจัย ควบคุมความแปรปรวนได้ (MAX , MIN , CON)              มีความตรงภายใน (Internal validity)            มีความตรงภายนอก (External validity) ความตรงภายใน (Internal validity) ผลการวิจัย เป็นผลอันเนื่องจากตัวแปรอิสระ/ตัวแปรทดลอง หรือตัวแปรหลัก มากกว่าตัวแปรอื่นที่ไม่ได้ศึกษา ตามเกณฑ์ใน การพิจารณาประสิทธิภาพแบบวิจัย ตัวแปรเกินที่อาจมีผลกระทบต่อความตรงภายใน History : เหตุการณ์ที่เกิดระหว่างการทดลองมีผลต่อการทดลอง Maturation : กระบวนการเปลี่ยนแปลงภายในของผู้รับการทดลอง   Testing : ปฏิกิริยาที่เกิดจากการวัดครั้งแรก Instrumentation : การเปลี่ยนแปลงของเครื่องมือวัด/ผู้ทดลอง statistical regression : การถดถอยทางสถิติของคนที่ได้คะแนนสูงสุด/ต่ำสุดในครั้งต่อไป Selection : ความลำเอียงจากการเลือกกลุ่มตัวอย่าง   Experimental Mortality : การสูญเสียตัวอย่างระหว่างทดลอง Selection-maturation interaction :…

  • หลักในการออกแบบวิจัย

    หลักในการออกแบบวิจัย ประกอบไปด้วย หลักการควบคุมความแปรปรวนของตัวแปร (The “maxmincon” principle) Max : ทำให้ความแปรปรวนของ Dependent variable อันเนื่องจากตัวแปรทดลองหรือตัวแปรหลักมีค่าสูงสุด (Independent variable) Min : ทำให้ความแปรปรวนอันเนื่องจากความคลาดเคลื่อนมีค่าต่ำสุด Con : ควบคุมอิทธิพลของตัวแปรเกิน Maximization of experimental variance (MAX) เป็นความแปรปรวน/หรือความแตกต่างของค่าหรือคะแนนของตัวแปรตาม : อันเป็นผลมาจากความแตกต่างของตัวแปรอิสระ/ตัวแปรทดลอง/ตัวแปรหลัก ⇒ ผู้วิจัยต้องพยายามจัดให้ตัวแปรอิสระมีความแตกต่างกันมากที่สุดเพื่อจะได้ส่งผลไปสู่ตัวแปรตามซึ่งเป็นไปตามหลักในการออกแบบวิจัย Minimization of error variance (MIN) ขจัดความแปรปรวนที่เกิดจากการวัดและกลุ่มตัวอย่างที่แตกต่างกัน ⇒ ต้องสร้างเครื่องมือวัดให้มีความตรงและมีความเชื่อถือได้ (reliability) ⇒ ควบคุมสถานการณ์ทดลองให้เป็นระบบ ⇒ พิจารณาสถิติในการวิเคราะห์ให้เหมาะสมกับระดับการวัด Control of extraneous variable (CON) ควบคุมอิทธิพลของตัวแปรที่ไม้ได้ศึกษา ⇒ การสุ่ม/ป้องกันความแตกต่างอันเนื่องจากการเลือกตัวอย่าง (ตัวอย่างที่มาจากประชากรเดียวกัน จะมีคุณสมบัติเหมือนกัน) ⇒ นำมาเป็นตัวแปรอิสระด้วย…